In the affirmative have to / must both express the idea of obligation.(It is necessary that you do something.) However, must is only used in the present, and is never used after 'will' or 'may.'
-I must / have to get up early because I start work at 8 a.m.
-I will must / have to leave work early if the snowstorm continues.
In the negative only the verb have to (do/does not have to) expresses the idea of obligation:(It is not necessary that you do something.)
-You don't have to pay for children. They can come in for free.
In the negative must (must not / mustn't) is similar to an imperative: Do not do something:
-You mustn't smoke in the corridors. (= Don't smoke in the corridors.)
วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551
New Yahoo Directory
Arts & Humanities : Photography, History, Literature, Performing Arts…
Business & Economy : Products, Shopping, B2B, Finance, Jobs…
Computers & Internet : Internet, WWW, Software, Games…
Education : College and University, K-12…
Entertainment : Movies, Actors, Humor, Music, TV…
Government : Elections, Military, Law, Taxes…
Health : Diseases, Drugs, Fitness, Medicine, Hospitals, Medical Centers...
News & Media : Newspapers, TV, Radio…
Recreation & Sports : Sports, Travel, Autos, Outdoors…
Reference : Phone Numbers, Dictionaries, Quotations…
Regional : Countries, U.S. States, Local…
Science : Animals, Astronomy, Biology, Engineering…
Social Science : Languages, Archaeology, Psychology…
Society & Culture : People, Environment, Religion, Home & Garden, Food…
Business & Economy : Products, Shopping, B2B, Finance, Jobs…
Computers & Internet : Internet, WWW, Software, Games…
Education : College and University, K-12…
Entertainment : Movies, Actors, Humor, Music, TV…
Government : Elections, Military, Law, Taxes…
Health : Diseases, Drugs, Fitness, Medicine, Hospitals, Medical Centers...
News & Media : Newspapers, TV, Radio…
Recreation & Sports : Sports, Travel, Autos, Outdoors…
Reference : Phone Numbers, Dictionaries, Quotations…
Regional : Countries, U.S. States, Local…
Science : Animals, Astronomy, Biology, Engineering…
Social Science : Languages, Archaeology, Psychology…
Society & Culture : People, Environment, Religion, Home & Garden, Food…
วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
Past Continuous Tense
Past Continuous Tense
โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Object
หลักการใช้
1. ใช้ในเหตุการณ์ที่แสดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น
They were speaking in the bookstore.(พวกเขากำลังพูดอยู่ในร้านขายหนังสือ)
She was going to post office.(หล่อนกำลังจะไปที่ทำการไปรษณีย)์
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันในอดีต เช่น
What were you doing all last summer? (เธอทำอะไรตลอดฤดูร้อนที่แล้วเหรอ?)
I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)
3. เหตุการณ์เกิด 2 เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินก่อน และเหตุการณ์ที่สองมาแทรก
มีหลักการ คือ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Past Con เหตุการณ์หลังใช้ Past Sim เช่น
When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน เธอเล่นปิงปองอย)ู่
4. เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชื่อม เช่น
I was playing while you were studying. (ฉันกำลังเล่นในขณะที่เธอกำลังเรียน)
5. เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไว้ชัดเจน เช่น
They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทำความสะอาดห้อง 8 โมงเมื่อวาน)
6. ใช้ในการสมมุติ เป็นข้อแม้ การคาดคะเน แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง เช่น
What would you do if it was raining? (คุณจะทำอย่างไรถ้าฝนกำลังตก?)
*หมายเหตุ :กรุณากลับไปอ่าน Present Continuous เรื่องกริยาที่นำมาใช้ใน Tense ไม่ได้ด้วยนะ*
โครงสร้าง: Subject + was, were + V-ing + Object
หลักการใช้
1. ใช้ในเหตุการณ์ที่แสดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น
They were speaking in the bookstore.(พวกเขากำลังพูดอยู่ในร้านขายหนังสือ)
She was going to post office.(หล่อนกำลังจะไปที่ทำการไปรษณีย)์
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันในอดีต เช่น
What were you doing all last summer? (เธอทำอะไรตลอดฤดูร้อนที่แล้วเหรอ?)
I was enjoying myself at the seaside.(ผมรื่นเริงกับการเที่ยวทะเล)
3. เหตุการณ์เกิด 2 เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินก่อน และเหตุการณ์ที่สองมาแทรก
มีหลักการ คือ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Past Con เหตุการณ์หลังใช้ Past Sim เช่น
When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน เธอเล่นปิงปองอย)ู่
4. เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต ต้องใช้ Past Con ทั้งคู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชื่อม เช่น
I was playing while you were studying. (ฉันกำลังเล่นในขณะที่เธอกำลังเรียน)
5. เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ เวลาจุดใดจุดหนึ่งในอดีตที่ระบุไว้ชัดเจน เช่น
They were cleaning the room at eight o'clock yesterday.(พวกเขาทำความสะอาดห้อง 8 โมงเมื่อวาน)
6. ใช้ในการสมมุติ เป็นข้อแม้ การคาดคะเน แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง เช่น
What would you do if it was raining? (คุณจะทำอย่างไรถ้าฝนกำลังตก?)
*หมายเหตุ :กรุณากลับไปอ่าน Present Continuous เรื่องกริยาที่นำมาใช้ใน Tense ไม่ได้ด้วยนะ*
Past Simple Tense
Past Simple Tense
โครงสร้าง: Subject + Verb ( Past Form ) + ( Object )
หลักการใช้
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแล้ว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น
She saw you yesterday. (หล่อนเห็นคุณเมื่อวานนี้)
I went to Berline last year. (ผมไปเบอร์ลินเมื่อปีที่แล้ว)
2. เหตุการณ์หนึ่งกระทำเป็นประจำในอดีต แต่บัดนี้ไม่ได้ทำอีก เช่น
When he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก)
I used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ( ปัจจุบันไม่ได้ตื่นเช้าแล้ว )
3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานั้นได้ล่วงเลยมาแล้ว เช่น
They lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว)
I heard the blacksmith working all day long.(ฉันได้ยินช่างตีเหล็กทำงานตลอดทั้งวัน)
4. ใช้แสดงถึงการสมมุติหรือข้อแม้ ในปัจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคำว่า If, Unless, Wish เช่น
If I were you I would love her. (ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะรักเธอ)
โครงสร้าง: Subject + Verb ( Past Form ) + ( Object )
หลักการใช้
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุดแล้ว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น
She saw you yesterday. (หล่อนเห็นคุณเมื่อวานนี้)
I went to Berline last year. (ผมไปเบอร์ลินเมื่อปีที่แล้ว)
2. เหตุการณ์หนึ่งกระทำเป็นประจำในอดีต แต่บัดนี้ไม่ได้ทำอีก เช่น
When he was young, he was very clever. (เมื่อตอนเขายังเด็ก เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก)
I used to get up early in the morning. (ฉันเคยตื่นนอนตอนเช้าตรู่ ( ปัจจุบันไม่ได้ตื่นเช้าแล้ว )
3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานั้นได้ล่วงเลยมาแล้ว เช่น
They lived there during last spring.(พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว)
I heard the blacksmith working all day long.(ฉันได้ยินช่างตีเหล็กทำงานตลอดทั้งวัน)
4. ใช้แสดงถึงการสมมุติหรือข้อแม้ ในปัจจุบันหรือในอนาคต ตามหลังคำว่า If, Unless, Wish เช่น
If I were you I would love her. (ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะรักเธอ)
Blogger คืออะไร มีคนอยากรู้
Blog คืออะไร blog ทำหน้าที่เป็นเหมือนสมุดบันทึกส่วนดัวหรือเอกสารแนะนำตัว blog สามารถที่จะติดต่อสื่อสารไปถึงแหล่งต่างได้
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเองมีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้นส่วนคำว่า blogger มีความหมายว่า ผู้เขียน blog ครับ
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเองมีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้นส่วนคำว่า blogger มีความหมายว่า ผู้เขียน blog ครับ
Hello Baby
My name is Tanakrit Khempach,I build this blog for study and I pround my blog going to nice blogger
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)